ปวดไมเกรนบ่อย จนเลือดกำเดาไหล สัญญาณเตือนที่อันตรายกว่าที่คิด

ปวดไมเกรนจนเลือดกำเดาไหล

ปัจจุบันสามารถพบผู้ที่มีอาการปวดหัวไมเกรนได้บ่อยมากขึ้น เนื่องด้วยปัจจัยแวดล้อมต่างๆ ที่เข้ามากระตุ้น ซึ่งนอกจากอาการหลักๆ ของไมเกรนแล้ว ผู้ป่วยยังมีอาการไมเกรน เลือดกำเดาไหลร่วมด้วย

แน่นอนว่าแค่อาการของปวดหัวข้างเดียว ปวดตุบๆ ก็อาจจะทำให้รู้สึกกังวลมากพอแล้ว แต่เมื่อมีเลือดกำเดาไหลก็อาจจะทำให้หลายๆ คนกังวลมากขึ้น บทความนี้ เราจึงจะพาทุกคนไปทำความรู้จักว่าปวดหัวแล้วเลือดกำเดาไหลเกิดจากอะไร อันตรายหรือไม่ ต้องรักษาวิธีใดถึงจะหาย ถ้าพร้อมแล้ว ตามไปอ่านกันเลยค่ะ


สารบัญบทความ


ไมเกรน (Migraine) คืออะไร

ไมเกรนเป็นโรคประเภทหนึ่งที่ยังไม่สามารถระบุสาเหตุของการเกิดโรคได้แน่ชัด เนื่องจากสามารถเกิดได้ทั้งจากกรรมพันธุ์คนในครอบครัว ก้านสมองทำงานผิดปกติ ตลอดจนปัจจัยกระตุ้นภายนอก เช่น อาหารกระตุ้นไมเกรน ความเครียด การพักผ่อนน้อย 

สิ่งต่างๆ เหล่านี้ ส่งผลให้หลอดเลือดทำงานผิดปกติจนเกิดอาการปวดหัวข้างซ้าย ปวดข้างขวา ลามไปยังบริเวณรอบๆ ปวดหัวท้ายทอย ปวดบริเวณหน้าผาก หรือที่หลายๆ คนมีอาการปวดกระบอกตา นอกจากนี้บางคนยังมีอาการไมเกรน เลือดกำเดาไหล ไมเกรนขึ้นตา ซึ่งเป็น 1 ในประเภทของไมเกรนด้วย


ปวดหัวแล้วเลือดกำเดาไหลเกิดจากอะไร

เลือดกำเดาไหลสามารถเกิดได้จากหลายๆ สาเหตุ ซึ่งหนึ่งในสาเหตุนั้นก็คือ ไมเกรน เนื่องจากอาการเลือดกำเดาไหลมีความเกี่ยวเนื่องกับความผิดปกติของหลอดเลือด ในขณะเดียวกันอาจเกิดจากการปวดหัวจากความเครียด ที่มีลักษณะถูกกด บีบ และปวดร้าว ซึ่งก็ส่งผลให้เลือดกำเดาไหลได้ 

นอกจากนี้ปวดหัวไซนัส ปัญหาเกี่ยวกับเนื้องอก ผนังกั้นช่องจมูก หรือไซนัสมีความผิดปกติก็ส่งผลให้เกิดอาการเลือกกำเดาไหลได้เช่นกัน เนื่องจากเลือดจะต้องมาหล่อเลี้ยงเนื้องอกด้านใจมูกจนเกิดเป็นเลือดกำเดาไหล หรือเมื่อผนังกั้นช่องจมูกผิดปกติ เยื่อในจมูกแห้งจะแห้งเร็ว และเกิดสะเก็ดหรือเลือดไหลออกได้ง่ายๆ


ไมเกรนเกี่ยวข้องกับอาการเลือดกำเดาไหลอย่างไร

อย่างที่กล่าวมาในข้างต้น ไมเกรน เลือดกำเดาไหลเกี่ยวข้องกันในแง่ของความผิดปกติของหลอดเลือด นอกจากนี้ในการศึกษาและวิจัยงานก็พบว่าไมเกรนและเลือดกกำเดาไหลก็เป็นหนึ่งในโรคพันธุกรรมด้วยเช่นกัน 

นอกจากนี้ยังพบว่าหากมีพฤติกรรมหรือปัจจัยภายนอกดังต่อไปนี้เข้ามากระตุ้นก็จะทำให้เป็นไมเกรน จนกำเดาไหลได้ด้วยเช่นกัน เช่น สภาพแวดล้อมหรืออากาศแห้ง การใช้ยาบางชนิด ตลอดจนคนท้องปวดหัวก็มีโอกาสที่จะปวดไมเกรน เลือดกำเดาไหล เวียนหัวมากว่าคนอื่นๆ


อาการไมเกรน เลือดกำเดาไหล

ลักษณะอาการไมเกรน เลือดกำเดาไหลพบว่าจะแตกต่างกันไปในแต่ละช่วงวัย โดยแบ่งได้ง่ายๆ เป็น 3 กลุ่ม ดังนี้

อาการไมเกรน เลือดกำเดาไหล

อาการปวดหัวเลือดกำเดาไหลในเด็ก

เด็กๆ ส่วนใหญ่อาจจะต้องเผชิญกับอาการปวดหัวและเลือดกำเดาไหล เนื่องจากการวิ่งเว่น การได้รับอุบัติเหตุ การพักผ่อนน้อย ซึ่งส่วนใหญ่มักจะแสดงอาการดังนี้

  • เลือดกำเดาไหล
  • เหนื่อยล้า อ่อนเพลีย
  • อ่อนแอ เจ็บป่วยบ่อย
  • หนาวสั่นหรือรู้สึกหนาว
  • เวียนหัว หน้ามืด
  • พฤติกรรมเปลี่ยนไป ทั้งการนอน การกิน และการใช้ชีวิต 
  • คลื่นไส้ เบื่ออาหาร
  • การมองเห็นลดลง
  • ช้ำง่ายหรือมีเลือดออก

อาการปวดหัวเลือดกำเดาไหลในผู้ใหญ่

อาการปวดหัวเลือดกำเดาไหลในผู้ใหญ่จะไม่ค่อยมีอาการรุนแรงเป็นพิเศษมากนัก โดยส่วนใหญ่มักจะมีอาการดังต่อไปนี้

  • เลือดกำเดาไหลบ่อย
  • ปวดหัวรุนแรง
  • ความดันโลหิตสูง
  • เวียนหัวและหน้ามืด
  • เลือดจาง
  • การมองเห็นลดลง

อาการปวดหัวเลือดกำเดาไหลในสตรีมีครรภ์

เนื่องจากเป็นช่วงที่กำลังตั้งครรภ์ ต้องได้รับการดูแลเป็นพิเศษ ดังนั้น ควรจะหมั่นสังเกตตนเอง และหากพบว่ามีอาการดังต่อไปนี้ ควรรีบพบแพทย์ทันที

  • ปวดหัวรุนแรง
  • เลือดกำเดาไหล
  • ความดันโลหิตสูง
  • หายใจลำบาก
  • ปวดหัวคลื่นไส้ อาเจียน 

ไมเกรน เลือดกำเดาไหลแบบไหน..ควรพบแพทย์

แน่นอนว่าอาการไมเกรน เลือดกำเดาไหลนั้นค่อนข้างที่จะต้องดูแลอบ่างใกล้ชิด ดังนั้น หากพบว่าตนเองมีอาการดังต่อไปนี้ ควรเจ้าปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อทำการรักษาอย่างทันท่วงที

  • เกิดความสับสน 
  • เป็นลม
  • หายใจติดขัด ไม่สะดวก
  • ไข้
  • อัมพาตด้านใดด้านหนึ่งของร่างกาย
  • มีปัญหาในการเคลื่อนไหว เช่น การพูดหรือการเดิน
  • คลื่นไส้หรืออาเจียน โดยที่ไม่มีอาการไข้หวัด
  • เลือดกำเดาไหลออกมากเกินไป
  • มีเลือดกำเดาออกนานกว่า 20 นาที

ปวดไมเกรนเลือดกำเดาไหล สัญญาณเตือนโรคใดบ้าง

ดังที่กล่าวมาในข้างต้น นอกจากปวดไมเกรน เลือดกำเดาไหลจะเกี่ยวข้องกันแล้ว อาการเลือดกำเดาไหลอาจเป็นหนึ่งในสัญญาณเตือนของร่างกาย เนื่องจากอาจเป็นอาการที่เกี่ยวเนื่องเชื่อมโยงกับโรคต่างๆ ดังนี้

  • ความดันโลหิตสูง
  • โรคโลหิตจาง
  • ติดเชื้อในจมูก ไซนัส หรือปวดหัวไซนัส
  • โรคไข้หวัด
  • โรคภูมิแพ้
  • มะเร็งสมอง
  • ภาวะโรคหัวใจ 
  • โรคตับ 
  • โรคไต 
  • โรคพิษสุราเรื้อรัง 
  • โรคที่เกี่ยวกับระบบเลือดอื่นๆ

การวินิจฉัยปวดไมเกรนแล้วเลือดกำเดาไหล

การวินิจฉัยไมเกรน เลือดกำเดาไหลจะเริ่มจากการวินิจฉัยในเบื้องต้น เพื่อทราบประวัติส่วนตัว ข้อมูลและพฤติกรรมการใช้ชีวิต ตลอดจนการรักษาในอดีต แต่หากยังไม่สามารถวินิจฉัยได้ จะใช้วิธีการวินิจฉัยอย่างละเอียด ดังนี้

วินิจฉัยเลือดกำเดาไหล

1. การตรวจเลือด

วิธีแรกสำหรับวินิจฉัยเลือดกำเดาไหล เวียนหัวคือ การเก็บตัวอย่างของเลือดเพื่อนำไปทำการวิเคราะห์ เช่น การตรวจวัดคความสมบูรณ์ของเม็ดเลือด การตรวจวัดภาวะโลหิตจาง เป็นต้น เพื่อนำมาวินิจฉัยร่วมกับลักษณะอาการเลือดกำเดาไหล

2. การเอกซเรย์ (X-rays)

วิธีการวินิจฉัยต่อมาคือ การฉายรังสีเอกซ์ไปยังอวัยวะหรือส่วนที่ต้องการวินิจฉัย จากนั้นภาพจะถูกบันทึกลงในแผ่นฟิล์ม จากนั้นแพทย์จึงจะนำมาตรวจดูความผิดปกติและวินิจฉัยถึงสาเหตุเป็นไมเกรน จนกำเดาไหลในลำดับต่อไป

3. การตรวจเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ (CT Scan)

การตรวจเอกซเรย์คอมพิวเตอร์หรือ CT Scan จะตรวจวินิจฉัยหาความผิดปกติของส่วนต่างๆ ในร่างกาย ด้วยการใช้รังสีเอกซ์ จากนั้นจะประมวลผลและแสดงออกในรูปแบบภาพ 3 มิติ ใช้ระยะเพียงเวลา 10-15 นาที ก็สามารถนำไปตรวจวินิจฉัยต่อได้แล้ว

4. การตรวจคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าสมอง (MRI)

การตรวจคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าสมองหรือ MRI จะทำการตรวจด้วยคลื่นวิทยุกับคลื่นสนามแม่เหล็ก จากนั้นจะแสดงผลภาพออกมาในรูปแบบ 3 มิติ ทำให้ได้ภาพมีความคมชัด สามารถวินจฉัยได้อย่างแม่นยำและละเอียด


แนวทางการรักษาปวดไมเกรนแล้วเลือดกำเดาไหล

อย่างไรก็ดี เมื่อเป็นไมเกรนจนกำเดาไหลก็สามารถหาแนวทางการรักษา รวมถึงวิธีแก้ปวดหัวไมเกรนเบื้องต้นได้ง่ายๆ ดังนี้

การรักษาไมเกรนเบื้องต้น

ประคบเย็นแก้ปวด

วิธีการรักษาการเป็นไมเกรนจนกำเดาไหล เบื้องต้นให้เริ่มจากการรักษาไมเกรน ซึ่งสามารถทำได้ง่ายๆ ด้วยตนเอง ดังนี้

  • หลีกเลี่ยงพฤติกรรมกระตุ้นไมเกรน

ปัจจัยกระตุ้นไมเกรนนั้นมีหลากหลายไม่ว่าจะเป็น การใช้คอมพิวเตอร์หรือสายตามากเกินไป ความเครียดสะสม แสงแดดจ้า อาหาร บุหรี่ หรือแอลกอฮอล์ ทางที่ดีจึงควรหลีกเลี่ยงสิ่งต่างๆ เหล่านี้และปรับพฤติกรรมให้เหมาะสมแทน ก็จะช่วยลดระดับความถี่ในการเกิดอาการได้

  • ประคบเย็นบรรเทาอาการไมเกรน 

วิธีนี้จะช่วยทำให้ร่างกายผ่อนคลายและทำให้ระบบไหลเวียนโลหิตหมุนเวียนได้เป็นอย่างดี เพียงแค่นำผ้าเย็นหรือผ้าชุบน้ำเย็นบิดหมาดมาประคบเย็นบริเวณที่ปวด 10-15 นาที หรือจะประคบบริเวณจมูกก็ช่วยบรรเทาอาการไมเกรน เลือดกำเดาไหลได้

  • นวดกดจุดรักษาไมเกรน

วิธีนวดแก้ปวดไมเกรนตามจุดต่างๆ ในร่างกายจะช่วยลดอาการตึง อาการเหนื่อยล้า ทำให้ร่างกายรู้สึกผ่อนคลาย เส้นเลือดจะคลายการตึงตัวได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้ หากใช้น้ำมันหอมระเหยกลิ่นหอม ในการนวดก็จะช่วยให้ผ่อนคลายเพิ่มขึ้นด้วย

การรัษาไมเกรนทางการแพทย์

การรักษาไมเกรนทางการแพทย์

การรักษาทางการแพทย์จะใช้สำหรับการรักษาเมื่อรักษาในเบื้องต้นแล้วแต่อาการยังไม่ดีขึ้น ซึ่งแพทย์ผู้เชี่ยวชาญจะพิจารณาอาการและแนวทาการรักษาที่เหมาะสม ดังนี้

  • ยาแก้ปวดไมเกรน

ยาแก้ปวดไมเกรนมีหลายประเภท หลายกลุ่ม เช่น ยาไมเกรนกลุ่ม triptan Ibuprofen  หรือยาแก้ปวดประจำบ้าน ก็สามารถกินเพื่อระงับอาการปวดได้อย่างเร่งด่วนได้ 

  • ฝังเข็มแก้ไมเกรน

การฝังเข็มไมเกรนจะช่วยลดอาการปวดหัวจากไมเกรนได้ โดยจะฝังเข็มตามจุดต่างๆ ของร่างกาย โดยเฉพาะจุดที่มีพลังสูง เนื่องจากจะช่วยให้เลือดลมไหลเวียนได้ดีมากยิ่งขึ้น ปรับสมดุลในร่างกายให้กลับมาปกติ

  • ฉีดยาไมเกรน

การฉีดยาไมเกรน (Aimovig) เป็นการรักษาในระยะเวลาอันสั้น ผลข้างเคียงน้อย แต่วิธีนี้จะช่วยลดความถี่และความรุนแรงของอาการปวดได้มากถึง 50-75% 

  • โบท็อกไมเกรน

นอกจากจะมีการใช้โบท็อกในวงการเสริมความงามแล้ว ยังใช้โบท็อกไมเกรน สำหรับรักษาอาการปวดหรืออาการของไมเกรนอีกด้วย เนื่องจากวิธีนี้จะฉีด ฉีดสาร Botulinum toxin ชนิด A ที่ปลอดภัย มีประสิทธิภาพสูง และผลลัพธ์อยู่ได้ประมาณ 3-4 เดือน ในขณะที่ผลข้างเคียงน้อย


วิธีป้องกันปวดไมเกรนแล้วเลือดกำเดาไหล

วิธีป้องกันปวดไมเกรนแล้วเลือดกำเดาไหล

สำหรับใครที่กังวลว่าตนเองจะมีอาการหรือเข้าข่ายปวดไมเกรน เลือดกำเดาไหล ก็สามารถทำตามวิธีป้องกันปวดหัว เลือดกำเดาไหลได้ง่ายๆ ดังนี้

  • ใช้น้ำเกลือพ่นจมูกหรือสูดไอน้ำจากการอาบน้ำอุ่น 
  • ดื่มน้ำให้เพียงพอต่อความต้องการ 
  • พักผ่อนให้เพียงพอ เพื่อให้ร่างกายฟื้นฟูได้ดียิ่งขึ้น
  • หลีกเลี่ยงการอยู๋ในพื้นที่แห้งหรือมีอากาศแห้ง
  • หลีกเลี่ยงการแคะจมูก หรือการทำให้จมูกแห้ว
  • ใช้ยาแก้แพ้และยาลดน้ำมูกในปริมาณเหมาะสมตามคำแนะนำของแพทย์

ข้อสรุป

ไมเกรน เลือดกำเดาไหลสามารถเกิดขึ้นร่วมกันได้ เนื่องจากความผิดปกติของระบบเลือด โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อมีอาการเลือดกำเดาไหลก็อาจจะเป็นเสมือนสัญญาณเตือนของร่างกาย ทางที่ดีควรเข้ารับคำปรึกษาและรักษาให้ทันท่วงทีกับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ

สำหรับใครที่มีอาการดังกล่าว แล้วกำลังมองหาว่ารักษาไมเกรนที่ไหนดี? เพื่อลดอาการไมเกรน เลือดกำเดาไหลก็สามารถแอดไลน์ @ayaclinic หรือโทร  090–970-0447  เพื่อติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม ตรวจไมเกรน ขอคำปรึกษา ตลอดจนนัดวันเข้ารักษากับ BTX Migraine Center ศูนย์รักษาไมเกรนเฉพาะทางได้ฟรี

แอดไลน์


เอกสารอ้างอิง

Rachel Nall. (2019). What’s Causing Your Headache and Nosebleed?.  retrieve from https://www.healthline.com/health/headache-and-nosebleed