7 วิธีนวดกดจุด หยุดไมเกรน แก้ปวดหัว ปวดตา ฉบับง่าย ทำได้ด้วยตัวเอง
อาการปวดหัวไมเกรน เชื่อว่าหลายคนที่เคยเป็นจะรู้ว่าเมื่อมีอาการทุกครั้งจะสร้างความรำคาญและทรมานให้เป็นอย่างมากโดยเฉพาะถ้ามีอาการปวดหัวอย่างรุนแรงจะไม่สามารถทำภารกิจประจำวันได้เลย
ดังนั้นจึงมีวิธีนวดแก้ปวดไมเกรนเพื่อที่ผู้ป่วยรวมถึงบุคคลทั่วไปสามารถจะนำไปใช้ป้องกัน หรือบรรเทาอาการในระยะเริ่มแรกได้ อีกทั้งยังมีข้อแนะนำต่าง ๆ สำหรับการป้องกันหรือการรักษาไมเกรนด้วยวิธีอื่นเพิ่มเติมให้อีกด้วย
สารบัญบทความ
- ‘ไมเกรน’ อาการปวดหัวรบกวนใจ
- วิธีนวดแก้ปวดไมเกรน
- การนวดกดจุดช่วยแก้ปวดไมเกรนได้อย่างไร
- ประโยชน์โดยรวมของการนวดแก้ปวดไมเกรน
- ข้อควรรู้เกี่ยวกับวิธีการนวดกดจุดแก้ไมเกรน
- 7 วิธีนวดแก้ปวดไมเกรน ทำได้ด้วยตัวเอง
- ใครที่ไม่ควรนวดแก้ปวดไมเกรน
- ทางเลือกอื่นในการรักษาโรคไมเกรน
- นวดไมเกรนไม่หาย รักษาไมเกรนที่ไหนดี
- ข้อสรุป
‘ไมเกรน’ อาการปวดหัวรบกวนใจ
ไมเกรน (Migraine) อาจไม่ได้จัดว่าเป็นโรค แต่เป็นอาการปวดหัวหรือที่ทุกคนเรียกว่าปวดไมเกรน เพราะไมเกรนเกิดจากภาวะที่หลอดเลือดแดงในสมองซึ่งมีอยู่มากมายอาจจะได้รับผลกระทบจากปัจจัยภายนอก เช่น เสียง แสง หรือกลิ่น
ทำให้หลอดเลือดแดงมีการบีบตัวและคลายตัวเป็นจังหวะมากกว่าปกติ จนรู้สึกได้และทำให้เกิดความรำคาญ และหากไม่ได้รับการแก้หรือรักษาไมเกรนก็อาจจะมีอาการที่รุนแรงมากขึ้นได้
ไมเกรนก่อให้เกิดอาการต่าง ๆ เหล่านี้
- จะมีอาการปวดหัวครึ่งซีก บ้างก็ปวดหัวข้างซ้าย หรือปวดหัวข้างขวาสลับกันแต่ก็อาจจะปวดพร้อมกันทั้งสองข้างได้ และในบางรายอาจจะมีอาการปวดหัวท้ายทอย
- ลักษณะการปวดไมเกรนจะปวดตุ๊บเป็นจังหวะ หากยังไม่ได้รับประทานยาไมเกรนจะใช้เวลานานเกินกว่า 20 นาทีหรือเป็นวันไปจนถึงสัปดาห์เลย
- หากสังเกตจะเริ่มมีอาการทางสายตาก่อน โดยจะเริ่มเห็นแสงจ้ามากเกินไป อาจจะมีเสียงหรือกลิ่น ร่วมด้วยประมาณ 20 นาทีจากนั้นจะเริ่มปวดหัวตามมา
- ในผู้ป่วยบางรายจะมีอาการรุนแรงมากขึ้น เช่น ปวดหัวคลื่นไส้ หรือมีการอาเจียนร่วมด้วย ซึ่งเกิดจากอาการปวดหัวเรื้อรังหรือเกิดจากความเครียดที่เกิดขึ้นบ่อย ๆ
วิธีนวดแก้ปวดไมเกรน
สำหรับกลุ่มผู้ป่วยที่มีอาการปวดหัวไมเกรน ไม่ว่าจะเกิดจากความเครียดในการทำงาน หรือปัจจัยภายนอกต่าง ๆ โดยเริ่มต้นสามารถจะรักษาไมเกรนได้ด้วยตัวเองโดยไม่จำเป็นจะต้องใช้ยาไมเกรน
สำหรับคนที่ไม่ต้องการได้รับผลข้างเคียงของการใช้ยา หรือในผู้ป่วยที่มีอาการไมเกรนที่ยังไม่รุนแรงก็สามารถจะใช้วิธีนวดหรือวิธีแก้ปวดหัวไมเกรนเบื้องต้นได้ ดังนี้
- หาเวลาว่างในการทำกิจกรรมต่าง ๆ เพื่อช่วยให้ผ่อนคลาย เช่น ปลูกต้นไม้ นั่งสมาธิ
- เรียนรู้วิธีนวดแก้ปวดไมเกรน อย่างง่าย และสามารถจะทำเองได้
- นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ และควรนอนในเวลาเดิมของทุกวัน
- รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ และควรจะต้องออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ
- งดหรือหลีกเลี่ยงปัจจัยต่าง ๆ ที่เป็นสาเหตุของการปวดหัว เช่น การสูบบุหรี่
การนวดกดจุดช่วยแก้ปวดไมเกรนได้อย่างไร
การนวดกดจุดแก้ปวดไมเกรนเป็นอีกหนึ่งวิธีแก้ปวดไมเกรนเบื้องต้นที่มีรากฐานมาจากการรักษาแบบจีนโบราณ หรือการแพทย์แผนจีนซึ่งเป็นหนึ่งในแพทย์ทางเลือก
โดยจะเป็นการนวดเพื่อบรรเทาอาการปวดตามร่างกายที่จะช่วยให้มีการกระตุ้นการไหลเวียนเลือดและช่วยปรับสมดุลภายในร่างกายให้ดีขึ้น
อีกทั้งยังช่วยคลายความตึงของกล้ามเนื้อตามส่วนต่าง ๆ ที่เกิดจากอาการปวดไมเกรน พร้อมกับช่วยให้จิตใจและร่างกายรู้สึกผ่อนคลาย จึงทำให้เชื่อได้ว่าการนวดกดจุดเป็นอีกวิธีที่ช่วยบรรเทาอาการของไมเกรนและบรรเทาอาการของโรคบางชนิดได้
ประโยชน์โดยรวมของการนวดแก้ปวดไมเกรน
ผ่อนคลายความเครียด
การนวดแก้ปวดไมเกรนจะช่วยลดระดับฮอร์โมนความเครียดอย่างคอร์ติซอลได้มากถึง 50 เปอร์เซ็นต์ จะทำให้ร่างกายอยู่ในภาวะผ่อนคลาย และรู้สึกว่าร่างกายสบายมากขึ้น
กระตุ้นระบบไหลเวียนเลือด
การนวดจะช่วยแก้อาการปวดเมื่อยให้กล้ามเนื้อเกร็ง หรือเส้นเอ็นยึดให้มีการคลายตัว ทำให้เลือดไหลเวียนได้ดีขึ้น นำเอาออกซิเจนและสารอาหารที่มีประโยชน์ไปเลี้ยงร่างกายได้อย่างทั่วถึง
ช่วยบรรเทาอาการหรือป้องกันโรคได้
นอกเหนือจากการนวดเพื่อแก้ปวดไมเกรนแล้ว ยังลดอาการปวดศีรษะเรื้อรัง อาการนอนไม่หลับ หรือเพื่อฟื้นฟูโรคอัมพฤกษ์ โรคข้อเสื่อม และยังสามารถจะบรรเทาผลข้างเคียงจากการรักษาโรคมะเร็ง
ความสวยความงาม
เมื่อมีการนวดจะช่วยให้ระบบไหลเวียนเลือดดีแล้ว จะทำให้ผิวพรรณเปล่งปลั่ง ลดริ้วรอยก่อนวัยได้ รวมถึงกลุ่มผู้ป่วยที่มีอาการผมร่วง ก็จะช่วยให้ผมขึ้นมาใหม่ดกดำเป็นปกติ
ข้อควรรู้เกี่ยวกับวิธีการนวดกดจุดแก้ไมเกรน
วิธีนวดแก้ไมเกรนถึงแม้จะสามารถทำได้ด้วยตัวเอง แต่หากเป็นการนวดแบบกดจุดหรือการรักษาแบบจีนโบราณจำเป็นจะต้องมีความรู้ และหลักปฏิบัติอย่างถูกวิธี เพื่อให้การรักษาไมเกรนมีประสิทธิภาพ โดยจะมีหลักการง่าย ๆ ดังนี้
- ควรตรวจสอบความเสี่ยง หรือมีการขอคำแนะนำจากแพทย์ก่อนเข้ารับการนวดกดจุด
- ก่อนทำการนวดกดจุดควรจะนั่งหรือนอนในท่าที่สบายและผ่อนคลายที่สุด
- มือที่จะกดจุดไม่ควรเย็น ควรจะต้องทำมือให้อุ่นโดยการแช่น้าอุ่นหรือใช้ผ้าห่อมือไว้
- หากเป็นผิวแพ้ง่าย ควรจะใช้โลชั่นหรือแป้งฝุ่นทาบริเวณที่จะกดจุดก่อน
- ในช่วงที่ทำการกดจุด อาจจะมีเหงื่อออก จึงควรให้มีการพักระหว่างกดจุด
- หากมีอากาศหนาวเย็นเมื่อกดจุดเสร็จแล้ว ควรสวมเสื้อให้อบอุ่นก่อนออกจากบ้าน
วิธีนวดกดจุดที่ถูกต้อง
- ออกแรงนวดกดจุดอย่างพอดี
- เลือกอุปกรณ์นวดแก้จุดให้เหมาะสม
- เพิ่มความผ่อนคลายด้วยน้ำมันหอมระเหย
- หากรู้สึกเจ็บหรือมีอาการผิดปกติ ควรหยุดนวดทันที
7 วิธีนวดแก้ปวดไมเกรน ทำได้ด้วยตัวเอง
วิธีที่ 1 นวดกดจุดไมเกรน ทั่วศีรษะ
การนวดกดจุดจะช่วยให้รู้สึกผ่อนคลาย และยังมีประโยชน์ต่อสุขภาพในด้านอื่น ๆ และยังเพิ่มการไหลเวียนเลือดบริเวณหนังศีรษะ ทำให้ผ่อนคลายหายจากอาการปวดไมเกรนได้
- ให้ใช้ปลายนิ้วค่อย ๆ นวดกดจุดบริเวณขมับ และไล่ตามไรผมตั้งแต่ด้านหน้าไปยังด้านหลัง
- ให้ทำการนวดวนบริเวณขมับ จากนั้นไล่ลงไปจนถึงต้นคออาจจะเพิ่มแรงในการนวดได้
- ให้ทำตามข้อ 1 และ 2 สลับกันไปเรื่อย ๆ ใช้เวลาประมาณ 3 นาทีจะรู้สึกผ่อนคลายมากขึ้น
วิธีที่ 2 นวดกดจุดบริเวณดวงตา
วิธีการนวดกดจุดรอบดวงตาในแต่ละจุดจะช่วยลดอาการเมื่อยล้า และคลายความเครียดได้ รวมทั้งยังลดอาการปวดหัวได้อีกด้วย
- จุดที่ 1 และ 2 ให้ใช้นิ้วชี้และนิ้วโป้ง กด 10 ครั้งเท่า ๆ กันช่วยให้ผ่อนคลายมากขึ้น
- จุดที่ 3 ให้ใช้นิ้งโป้งทั้งสองข้างกดพร้อมกัน 10 ครั้ง 2 เซต จะช่วยลดอาการปวดหัวได้
- จุดที่ 4 และ 5 ให้ใช้นิ้วชี้ทั้งสองข้างกด 10 ครั้ง 2 เซตเช่นกัน บรรเทาอาการปวดมื่อยได้
วิธีที่ 3 นวดกดจุด บริเวณหัวคิ้ว
จุดนี้ชาวเจีนเชื่อว่าเป็นจุดหยินหยาง กดจุดนี้จะช่วยให้ผ่อนคลาย ลดความตึงเครียด เพิ่มความสมดุลในร่างกายและสมองปลอดโปร่ง ลดอาการปวดไมเกรนได้ โดยมีขั้นตอนดังนี้
- ใช้นิ้วชี้หรือนิ้วที่ถนัด กดนวดบริเวณจุดกลางหัวคิ้วทั้งสอง
- กดค้างไว้ด้วยน้ำหนักปานกลาง และกดนานประมาณ 10 วินาที
- ยกนิ้วขึ้น แล้วกดซ้ำอีกครั้ง หรือทำจนกระทั่งรู้สึกว่ามีอาการปวดดีขึ้น
วิธีที่ 4 นวดกดจุดบริเวณขมับ
บริเวณขมับมีเส้นประสาทจำนวนมา ซึ่งในการกดจุดบริเวณนี้จะช่วยลดอาการปวดหัวได้เป็นอย่างดีและยังช่วยลดอาการเมื่อล้าทางสายตา อาการเวียนหัว หูอื้อได้ มีขั้นตอนดังนี้
- ให้ใช้มือทั้งสองข้างแตะด้านบนของศีรษะ
- จากนั้นให้กางนิ้วโป้งทั้งสองข้าง กดลงบริเวณขมับหรือด้านบนของหู
- นวดวนด้วยแรงระดับกลางโดยใช้เวลาประมาณ 30 วินาที
วิธีที่ 5 นวดกดจุดท้ายทอย
จะเป็นบริเวณส่วนฐานของกะโหลกศีรษะที่อยู่ติดกับต้นคอที่ขนาบระหว่างกล้ามเนื้อคอทั้งสองข้าง จะสามารถกดจุดเพื่อบรรเทาอาการปวดไมเกรนได้ มีขั้นตอนดังนี้
- ให้ใช้นิ้วชี้และนิ้วกลาง กดลงตรงจุดที่ท้ายทอยของทั้งสองข้างพร้อมกัน
- ทำการกดค้างไว้ใช้เวลาประมาณ 10 วินาที
- จากนั้นปล่อยออก แล้วทำซ้ำเรื่อย ๆ จนกว่าจะรู้สึกว่าอาการดีขึ้น
วิธีที่ 6 นวดกดจุดบริเวณใบหู
สำหรับการกดจุดที่บริเวณใบหูหรือบริเวณโพรงที่เปลือกหูส่วนบน จะช่วยบรรเทาความเครียดได้เป็นอย่างดี และยังช่วยให้นอนหลับสบายมากยิ่งขึ้น จะมีวิธีกดดังนี้
- ให้ใช้นิ้วชี้ของมือทั้งสองข้าง กดลงตรงจุดโพรงที่เปลือกหูส่วนบน
- ให้ใช้แรงกดเพียงเบา ๆ โดยใช้เวลาประมาณ 2-3 นาที
- ยกนิ้วขึ้น และทำซ้ำจนกว่าจะรู้สึกผ่อนคลาย
วิธีที่ 7 นวดกดจุดฝ่ามือ ระหว่างนิ้วชี้-นิ้วโป้ง
จะเป็นจุดกดบนฝ่ามือที่อยู่ระหว่างนิ้วชี้และนิ้วโป้ง โดยจะช่วยให้คลายกังวลหรือความเครียดลงได้ อีกทั้งยังการบรรเทาอาการปวดคอและปวดหัว คลายความเมื่อยล้าที่มือได้
- เริ่มต้นโดยการสลับกดทีละข้าง ใช้แรงกดด้วยนิ้วโป้งและนิ้วชี้ของมืออีกข้าง
- จากหายใจเข้าช้า ๆ ให้ลึกๆ แล้วกดค้างไว้ใช้เวลาประมาณ 2-4 นาที
- และสลับทำอีกข้าง โดยควรจะทำให้เท่ากันทั้งสองข้าง
ใครที่ไม่ควรนวดแก้ปวดไมเกรน
ถึงแม้การนวดแก้ปวดไมเกรนจะสามารถทำได้ด้วยตัวเอง และเป็นวิธีแก้ปวดหัวอย่างง่าย ช่วยแก้ปวดไมเกรนแบบเร่งด่วน เรียกได้ว่าเหมาะกับผู้ที่มีอาการเครียด ปวดศีรษะ ปวดเมื่อยต้นคอ บ่า และไหล่ อันเนื่องมาจากความเครียด แต่ก็ยังมีข้อควรระวังสำหรับบุคคลบางกลุ่ม และควรจะต้องตัดเล็บให้สั้นทุกครั้งก่อนนวด
- ผู้ที่เป็นมีอาการไข้ตัวร้อน หรือกำลังเป็นไข้หวัด
- ผู้ที่เพิ่งรับการผ่าตัดมา มีอาการบาดเจ็บหรือมีกระดูกหัก
- ผู้ที่มีปัญหาลิ่มเลือด หรือระบบการไหลเวียนของเลือดผิดปกติ
- ผู้ที่มีปัญหาโรคผิวหนัง หรือโรคติดต่อทางการสัมผัส
ทางเลือกอื่นในการรักษาโรคไมเกรน
1. ยาแก้ปวดไมเกรน
สำหรับผู้ป่วยที่ยังไม่รู้ว่าจะใช้ยาไมเกรนตัวไหนดี การเลือกใช้ยา Ergotamine ก็เป็นอีกวิธีที่จะแก้ปวดหัวข้างเดียวได้ โดยจะเป็นยาที่ใช้รักษาไมเกรน มีการกระตุ้นตัวรับของสารสื่อประสาทซีโรโทนิน (serotonin) ซึ่งส่งผลให้หลอดเลือดที่ขยายตัวผิดปกติเกิดการหดตัวลงและทำให้อาการปวดศีรษะหายไป
แต่ควรใช้ในขนาดที่เหมาะสม ควรรับประทานเมื่อมีอาการปวดไมเกรน 1 หรือ 2 เม็ด จากนั้น 30 นาทีหากอาการไม่ดีให้รับประทานซ้ำอีก 1 เม็ด แต่ห้ามรับประทานเกิน 6 เม็ดต่อวัน และห้ามเกิน 10 เม็ดต่อสัปดาห์
2. ฉีดยาแก้ไมเกรน
จะเป็นวิธีรักษาไมเกรนด้วย Aimovig ซึ่งได้รับการรับรองจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา สหรัฐอเมริกา (FDA) จะเป็นยาสำหรับป้องกันอาการของไมเกรนโดยเฉพาะ
เมื่อฉีดแล้วจะมีฤทธิ์ในการยับยั้งการทำงานของ CGRP ที่เป็นสาเหตุและลดความถี่ของอาการปวดได้เป็นอย่างดี โดยจะฉีดยาที่ต้นขา หน้าท้อง หรือบริเวณแขนส่วนบนเพียงเดือนละครั้งเท่านั้น
3. ฝังเข็มไมเกรน
นอกจากวิธีนวดแก้ปวดไมเกรน ก็ยังมีวิธีที่คล้ายกัน คือ การฝังเข็มตามจุดต่าง ๆ บนร่างกายในผู้ที่ปวดศีรษะไมเกรน ซึ่งจะช่วยให้เลือดลมไหลเวียนสะดวกมากขึ้น
โดยแต่ละจุดที่ฝังจะแตกต่างกันไปในสภาวะของร่างกายของผู้ป่วยแต่ละคน ซึ่งผู้ป่วยบางรายก็สามารถหายขาดได้ หรือบางรายก็มีอาการดีขึ้นด้วยการฝังเข็ม 1-2 ครั้งหรือ 8-10ครั้ง ขึ้นอยู่กับร่างกายของผู้ป่วยแต่ละคน
4. โบท็อกไมเกรน
การฉีดโบท็อกไมเกรน จะเป็นการฉีดโบท็อกไปที่บริเวณใบหน้าระหว่างคิ้ว หน้าผาก ท้ายทอย ต้นคอ และบ่า หรือตามจุดกดนวดแก้อาการไมเกรน เพื่อช่วยลดอาการปวดศีรษะ โดยมีงานวิจัยได้ระบุไว้ว่าจะสามารถลดอาการปวดไมเกรนลงได้ 60 – 70% ถึงแม้ว่าจะไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้ แต่ก็สามารถจะบรรเทาและลดความถี่ของอาการปวดหัวได้
โดยปัจจุบันการฉีดโบท็อกไมเกรนเป็นหนึ่งในวิธีที่มีการแนะนำให้ใช้ในการรักษาอาการปวดศีรษะไมเกรน (Migraine) ปวดหัวเรื้อรังจากความเครียด (Tension headache) รวมไปถึงคนไข้ที่ปวดศีรษะตั้งแต่ 14 วันขึ้นไปต่อเดือน
นวดไมเกรนไม่หาย รักษาไมเกรนที่ไหนดี
สำหรับผู้ป่วยบางรายที่ทำการรักษาไมเกรนมาแล้วหลายวิธี ไม่ว่าจะเป็นวิธีนวดแก้ปวดไมเกรน และมีการใช้สมุนไพรรักษาไมเกรนควบคู่กันไปด้วย หรือแม้แต่การรับประทานยาเพื่อบรรเทาอาการปวด ก็ยังมีอาการไม่ดีขึ้นเท่าไหร่
ดังนั้นถ้าหากต้องการจะรักษาด้วยวิธีโบท็อกไมเกรน ก็คงจะต้องนึกถึง BTX Migraine Center เพราะที่นี่ผู้ป่วยจะได้รับการให้คำปรึกษา เกี่ยวกับการฉีด BTX TYPE A
ข้อดีของการรักษาไมเกรนด้วยการฉีด BTX TYPE A
- จะได้ผลในระยะยาว และลดอาการปวดไมเกรนได้นาน 4-6 เดือน ซึ่งแตกต่างจากการรับประทานยาไมเกรน
- อาการปวดหัวลดน้อยลง อีกทั้งยังลดความถี่ และลดอาการรุนแรงของการปวดไมเกรนมากกว่า 70% เมื่อมีการฉีดโบท็อกไมเกรน
- ผลข้างเคียงแทบจะไม่มีหรือน้อยกว่า 10% หากเทียบกับการรับประทานยาไมเกรนซึ่งจะได้รับผลข้างเคียงได้มากกว่า 90%
- ทำให้ช่วยลดปริมาณการรับประทานยาไมเกรน หรือลดการใช้ยาแก้ปวดมากกว่า 90% ซึ่งล้วนมีอาการข้างเคียงที่ไม่พึงประสงค์
ข้อสรุป
วิธีนวดแก้ปวดไมเกรน จะเป็นวิธีรักษาแบบแพทย์แผนจีนซึ่งก็ยังมีข้อยกเว้นสำหรับผู้ป่วยบางกลุ่มที่จะไม่สามารถรักษาได้ด้วยวิธีการนวดกดจุด หรือการรักษาไมเกรนในรูปแบบต่าง ๆ ไม่ว่าจะรับประทานยา การฝังเข็มที่จะต้องใช้เวลา และผลการรักษาก็เป็นระยะเวลาสั้น ๆ เท่านั้น หากเทียบกับการรักษาโดยการฉีดโบท็อกไมเกรน ที่จะช่วยควบคุมอาการปวดไมเกรนได้นานถึง 4 เดือน
ถ้าหากไม่รู้ว่าจะรักษาไมเกรนที่ไหนดี สำหรับการฉีดโบท็อกไมเกรน ก็ขอแนะนำว่าเป็น ศูนย์รักษาไมเกรนด้วยโบทอกซ์ BTX Migraine Center จะดีที่สุดเพราะที่นี่พร้อมจะให้คำปรึกษาให้กับผู้ป่วยไมเกรนทุกรายหรือจะสอบถามข้อมูลได้ที่ line: @ayaclinic ได้เลย
เอกสารอ้างอิง
Botulinum toxin in the treatment of myofascial pain syndrome José M. Climent, Ta Shen Kuan, Pedro Fenollosa, Francisco Martin-Del-Rosario. https://pubmed.ncbi.nlm.nih.gov/7854804/
Botulinum toxin for myofascial pain syndromes in adults Adriana P Soares, Regis B Andriolo, Álvaro N Atallah, Edina Mk da Silva. https://pubmed.ncbi.nlm.nih.gov/22513950/