5 สมุนไพรรักษาไมเกรน แก้ปวดหัวเรื้อรัง ด้วยวิธีธรรมชาติที่ทำได้ด้วยตัวเอง
เรื่องของ “สุขภาพ” นั้นเป็นสิ่งสำคัญที่ควรดูแลและรักษาให้ดี เนื่องจากเป็นสิ่งที่หาซื้อไม่ได้และต้องสร้างขึ้นมาเอง ดังนั้นไม่ว่าจะอาการป่วยเล็ก ๆ น้อย ๆ เช่น ไข้อ่อน เจ็บคอ ปวดตามร่างกาย รวมถึงอาการปวดหัวเรื้อรังหรือไมเกรนก็ควรรักษาอย่างเร่งด่วน เพื่อให้สุขภาพนั้นหายดี
ในปัจจุบันใครหลาย ๆ คนอาจจะเผชิญกับปัญหาปวดหัวเรื้อรัง ปวดหัวข้างซ้าย ปวดหัวข้างขวา หรือตื่นนอนแล้วปวดหัวอยู่ และอาจจะกำลังหาวิธีแก้ปวดหัว เพื่อสร้างสุขภาพที่ดีและแข็งแรงให้กับตนเอง วันนี้เราจึงจะพาทุกคนไปทำความรู้จักเกี่ยวกับอาการปวดหัวเรื้อรังหรือไมเกรน โดยใช้สมุนไพรรักษาไมเกรนนั่นเอง
เลือกอ่านหัวข้อที่สนใจ
- รู้จักปวดหัวไมเกรน (Migraine)
- ไมเกรนรักษาได้ด้วยสมุนไพร
- ประโยชน์ของสมุนไพรช่วยรักษาไมเกรน
- 5 สมุนไพรรักษาไมเกรน มีอะไรบ้าง
- ทางเลือกอื่นในการรักษาไมเกรน
- ปวดหัวไมเกรนไม่หาย รักษาที่ไหนดี
- ข้อสรุป
รู้จักปวดหัวไมเกรน (Migraine)
โรคไมเกรน คือ การปวดหัวอย่างรุนแรง ทั้งนี้มีสาเหตุมาจากการบีบตัวและคลายตัวของหลอดเลือดแดงในสมองที่มากกว่าปกติทั่วไปและในงานวิจัยก็พบว่าสาเหตุสำคัญอีกหนึ่งประการคือ ปัจจัยทางพันธุกรรม
อาการที่พบมักมีทั้งการปวดหัวข้างซ้าย ปวดหัวข้างขวา ปวดหัวข้างเดียว ปวดหัวตุ้บ ๆ โดยในผู้ป่วยบางรายนั้นอาจจะมีอาการความรุนแรงแตกต่างกันออกไป และบางรายก็มีลักษณะอาการอื่น ๆ ร่วมด้วย เช่น การเห็นแสงวูบวาบคล้ายแสงแฟลชจากโทรศัพท์มือถือ การเห็นไฟระยิบระยับ การเห็นภาพเบลอหรือตาพร่า ไวต่อแสงหรือเสียง คลื่นไส้ เป็นต้น
ไมเกรนรักษาได้ด้วยสมุนไพร
หลาย ๆ คนอาจจะเกิดคำถามและสงสัยว่าแล้ววิธีแก้ปวดหัวไมเกรนเบื้องต้นคืออะไร ต้องรักษาไมเกรนแบบไหน หรือปวดหัวไมเกรนต้องกินอะไรถึงหาย หรือบางคนอาจจะรับรู้เพียงแค่ว่าการรักษาไมเกรนนั้นอาจจะใช้เพียงยาไมเกรนได้เพียงเท่านั้น
แต่ใครจะรู้บ้างว่าจริง ๆ แล้วนั้นสมุนไพรแก้ไมเกรนได้และเป็นอีกหนึ่งทางเลือกในการรักษาไมเกรนที่เห็นผลได้ดี
แนวคิดทางการแพทย์แผนไทยที่เทียบเคียงไมเกรนกับโรคลมปะกัง หรือโรคลมชนิดหนึ่งที่มีลักษณะอาการปวดหัวข้างซ้าย ปวดหัวข้างขวา หรือปวดหัวรุนแรง รวมถึงมีอาการตาพร่ามัว คลื่นไส้ เห็นภาพวูบวาบ ทำให้แพทย์แผนไทยคิดค้นวิธีการใช้สมุนไพรลดไมเกรน และทำยาสมุนไพรรักษาไมเกรนซึ่งเห็นผลดีไม่ต่างจากการรักษาในแพทย์แผนปัจจุบัน
การใช้รักษาไมเกรนด้วยสมุนไพรทำได้โดยการใช้สรรพคุณและลักษณะพิเศษของสมุนไพรแต่ละชนิดในการนำมาสกัด ทำเป็นยา หรือกินตามปกติ ทั้งนี้ก็เพื่อสร้างความสมดุลให้กับธาตุในร่างกาย ช่วยกระจายเลือดลม ปรับสมดุลระบบไหลเวียนเลือดและเสริมสุขภาพร่างกายให้แข็งแรง โดยการใช้สมุนไพรแก้อาการไมเกรนนับว่าเป็นวิธีตามธรรมชาติและเป็นอีกทางเลือกหนึ่งในการรักษาไมเกรนที่เห็นผลได้ดีและได้รับความนิยมในปัจจุบัน
ประโยชน์ของสมุนไพรช่วยรักษาไมเกรน
แน่นอนว่าการใช้สมุนไพรรักษาไมเกรนต่าง ๆ เหล่านี้มีประโยชน์ต่อร่างกายเป็นอย่างยิ่ง เช่น
1. สมุนไพรรักษาไมเกรนไม่มีสารตกค้างต่อร่างกาย
อย่างที่ทราบกันดีว่าการใช้สมุนไพรรักษาโรคต่าง ๆ นั้นมีมาตั้งแต่ในสมัยอดีต เนื่องจากสมุนไพรนั้นมีสรรพคุณมากมาย ไม่ว่าจะเป็นการรักษาอาการเจ็บคอ อาการเป็นไข้ อาการปวดหัว หรือรักษาไมเกรน
อีกทั้งสมุนไพรยังเป็นพืชที่เกิดขึ้นจากธรรมชาติและไม่ผ่านการสังเคราะห์หรือสารเคมี ซึ่งหากนำมาใช้รักษาอาการเจ็บปวดต่าง ๆ เมื่อนำมารักษาไมเกรนย่อมส่งผลให้ไม่มีสารตกค้างในร่างกาย ปลอดภัย และเห็นผลได้ดี
2. เป็นการรักษาไมเกรนจากธรรมชาติ
การรักษาโรคภัยไข้เจ็บและการรักษาไมเกรนนั้นมีหลากหลายวิธี เช่น การผ่าตัด การฝังเข็มไมเกรน โบท็อกไมเกรน การฉีดยาไมเกรน (Aimovig) แต่ก็ยังมีผู้ป่วยบางรายที่ชื่นชอบและนิยมรักษาผ่านวิธีการธรรมชาติ ซึ่งการใช้สมุนไพรหรือยาสมุนไพรแก้ไมเกรนนี้เองก็เป็นวิธีการรักษาจากธรรมชาติและเห็นผลดีไม่แพ้กับวิธีอื่น ๆ
3. ฟื้นฟูและรักษาสุขภาพจากภายใน
ดังที่กล่าวมาในข้างต้น ตามแนวคิดและวิธีรักษาแพทย์แผนไทยได้เปรียบเทียบโรคไมเกรนกับโรคลมปะกัง ซึ่งเกี่ยวข้องกับลมภายในและความสมดุลของธาตุในร่างกาย
ดังนั้นเมื่อได้ใช้สมุนไพรแก้ปวดไมเกรน แล้วนั้นจะช่วยแก้ไขปัญหาเรื่องลมและปรับความสมดุลในร่างกายให้เหมาะสม ซึ่งนับว่าเป็นฟื้นฟูและรักษาสุขภาพจากภายในได้เป็นอย่างดี
4. ประโยชน์และสรรพคุณด้านอื่น ๆ
นอกจากจะใช้สมุนไพรเป็นยาสมุนไพรแก้ปวดหัวไมเกรนได้แล้ว ยังจะช่วยในการปรับสมดุลของธาตุ ลมภายใน หรือระบบหมุนเวียนเลือดแล้ว ยังช่วยในการสร้างความสดชื่นในร่างกาย ทำให้รู้สึกกระปรี้กระเปร่า มีพลังงานและพร้อมจะทำกิจกรรมต่าง ๆ ในชีวิตประจำวัน
5 สมุนไพรรักษาไมเกรน มีอะไรบ้าง
สำหรับสมุนไพรรักษาไมเกรนที่เห็นผลดีและหารับประทานได้ง่ายนั้นมี 5 ชนิดดังนี้
1. ขิง (Ginger)
ขิงเป็นสมุนไพรไทยที่มีสรรพคุณหลากหลาย สามารถใช้รักษากับทุกเพศทุกวัย และสามารถรักษาได้หลาย ๆ โรค แต่สำหรับการรักษาไมเกรนนั้นจะสามารถแก้อาการปวดหัวได้เป็นอย่างดี
ดังจะเห็นได้จากงานวิจัยของต่างประเทศที่ได้รับการตีพิมพ์บน The National Institutes of Health (NIH) ได้ทำการทดลองแบบสุ่ม พบว่าขิงนั้นมีสารสำคัญลดการปวดหัวได้ภายใน 2 ชั่วโมง ซึ่งเห็นผลได้ดีกว่ายา
โดยช่วยลดอาการอักเสบในร่างกาย การปวดบริเวณต่าง ๆ รวมถึงการปวดหัว ช่วยสร้างความผ่อนคลายให้กับร่างกาย อีกทั้งยังสามารถออกฤทธิ์ในการขยายหลอดเลือด ทำให้ระบบไหลเวียนโลหิตทำงานได้ดี และสามารถแก้อาการคลื่นไส้ เวียนหัว หรืออาเจียนได้อีกด้วย
วิธีการรักษานั้นทำได้หลากหลาย เช่น อาจจะรับประทานขิงชนิดแคปซูลขนาด 50 มิลลิกรัม หรือหากใครไม่สะดวกในการรับประทานยาเม็ด เพียงแค่การดื่มน้ำขิงร้อน ๆ หรือดื่มน้ำขิงผสมน้ำตาลทรายก็ช่วยรักษาไมเกรนได้แล้ว
2. ดอกฟีเวอร์ฟิว (Feverfew)
จากการศึกษาพบว่าดอกฟีเวอร์ฟิว (Feverfew) หรือพืชสมุนไพรในตระกูลดอกเดซี่ คล้ายคลึงกับดอกคาโมมายล์ที่เรารู้จักกัน แต่ดอกฟีเวอร์ฟิวนี้จะถูกนำมาใช้ในการรักษาโรคปวดหัวเรื้อรังหรือไมเกรนมาตั้งแต่ช่วงยุคศตวรรษที่ 17
โดยดอกฟีเวอร์ฟิว (Feverfew) จะมีสารสำคัญที่ช่วยยับยั้งอาการอักเสบและอาการเจ็บปวด ในขณะเดียวกันก็สามารถปรับสมดุลในร่างกายให้เหมาะสมและลดอาการคลื่นไส้อาเจียน วิงเวียนได้
โดยวิธีการรักษานั้นอาจจะนำดอกฟีเวอร์ฟิวไปชงกับน้ำร้อนดื่ม หรืออาจจะเพิ่มมะนาวหรือน้ำผึ้ง เพื่อช่วยให้มีรสชาติดี กลิ่นหอม และดื่มได้ง่ายมากยิ่งขึ้น แต่ในปัจจุบันก็มีการนำดอกฟีเวอร์ฟิวไปบดและสกัดออกมาเป็นยาสมุนไพรแก้ปวดหัวไมเกรนชนิดแคปซูลอีกด้วย
3. ว่านหางจระเข้ (Aloe Vera)
นอกจากว่านหางจระเข้จะรักษาและบำรุงเรื่องผิวหน้า ความชุ่มชื้น และใช้เป็นส่วนประกอบในการทำครีมบำรุงผิวหรือครีมทาหน้าได้แล้ว ยังสามารถบรรเทาอาการปวดหัวไมเกรนได้ด้วย
เนื่องจากว่านจระเข้เป็นพืชที่กักเก็บความเย็นได้ดี มีสรรพคุณในการลดการอักเสบ การปวดหัว นับว่าเป็นสมุนไพรรักษาไมเกรนที่ดีอีกชนิดหนึ่ง
วิธีการรักษา คือ ฝานว่านหางจระเข้ให้เป็นชิ้นบาง ๆ ล้างยางออกเพื่อลดอาการคัน จากนั้นนำไปทาปูนแดง และนำมาทาบริเวณขมับทั้ง 2 ข้าง ทิ้งไว้เพียงแค่ 10 นาทีอาการปวดหัวก็จะค่อย ๆ หายไปหรือจะดื่มน้ำว่างหางจระเข้ก็ช่วยได้เช่นกัน
4. เปปเปอร์มินต์ (Peppermint)
เปปเปอร์มินต์ (Peppermint) หรือสะระแหน่ในบ้านเรา เป็นพืชสมุนไพรที่มีสรรพคุณหลากหลาย โดยเฉพาะการบรรเทาอาการปวดหัวไมเกรน เนื่องจากสารเมนทอลในเปปเปอร์มินต์ช่วยทำให้ระบบหมุนเวียนเลือดดีขึ้น ปรับสมดุลในร่างกาย สร้างความผ่อนคลาย และยังสามารถบรรเทาอาการปวดเมื่อยและคลายกล้ามเนื้อที่ตึงให้กลับสู่ปกติ
วิธีการรักษาคือ นำสารสกัดจากเปปเปอร์มินต์มาใช้เป็นน้ำมัน สำหรับดม ทา หรือนวดกดจุด หรือการนำใบเปปเปอร์มินต์มาสกัดเป็นชา ชงดื่มร้อน ๆ ลดอาการปวดหัวได้ดีทีเดียว
5. ใบบัวบก
นอกจากแก้อาการช้ำใน ใบบัวบกยังเป็นสมุนไพรรักษาไมเกรนที่เห็นผลได้ดี เนื่องจากเป็นสมุนไพรที่มีฤทธิ์เย็น จึงสามารถช่วยสร้างความผ่อนคลาย บรรเทาความตึงเครียดหรืออาการปวดไมเกรน
โดยวารสารบัวบก: สมุนไพรมากคุณประโยชน์ของจันทรพร ทองเอกแก้ว ภาควิชาวิทยาศาสตร์ชีวภาพ คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี ระบุใบบัวบอกนั้นมีสารที่จะช่วยทำให้การไหลเวียนของหลอดเลือดดำ หลอดเลือดแดง และเส้นเลือดฝอยไหลเวียนดีขึ้น อีกทั้งยังช่วยให้เกิดการขยายตัวของหลอดเลือด ซึ่งทำให้อาการปวดหัวลดลง
วิธีการรักษาทำได้ง่าย ๆ เพียงแค่นำใบบัวบกมาคั้นกับน้ำสะอาด 1-2 กำมือ ดื่มเช้าและเย็น หรือหากใครอยากเพิ่มรสชาติก็สามารถใส่น้ำตาลลงไปได้ แต่ถ้าหากใครที่ไม่ชอบรสชาติหรือไม่ดื่มน้ำใบบัวบกก็สามารถหาแคปซูลชนิดเม็ดมารับประทานได้เช่นกัน
ทางเลือกอื่นในการรักษาไมเกรน
แม้ว่าการใช้สมุนไพรรักษาไมเกรนจะเห็นผลดีและมีประโยชน์มากมาย แต่ก็ยังมีวิธีการรักษาอื่น ๆ ที่เห็นผลดีไม่แพ้กัน โดยแบ่งเป็น 2 ประเภท ได้แก่
1. การรักษาไมเกรนเบื้องต้น
- ปรับพฤติกรรม
เพียงแค่ปรับพฤติกรรมง่าย ๆ เช่น การนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอและสม่ำเสมอ การออกกำลังกายเพื่อสร้างภูมิคุ้มกัน การรับประทานอาหารที่มีประโยชน์และไม่รับประทานอาหารกระตุ้นไมเกรน เพียงเท่านี้ก็จะลดอาการตึงเครียดและบรรเทาอาการปวดหัวไมเกรนได้แล้ว
- ประคบเย็นแก้ไมเกรน
เพียงแค่นำถุงน้ำแข็งมาประคบบริเวณขมับ หน้าผาก คอ หรือบริเวณที่มีอาการปวด ก็จะช่วยทำให้เผ่อนคลาย และทำให้ระบบไหลเวียนโลหิตทำงานดีขึ้น
- นวดกดจุดแก้ไมเกรน
การนวดกดจุดสามารถแก้ปวดไมเกรนได้ด้วยเช่นกัน โดยมีวิธีนวดแก้ปวดไมเกรนเพียงไม่กี่ขั้นตอนเพียง แค่กดจุดบริเวณตำแหน่ง PC6 หรือตำแหน่งเหนือส้นมือมา 3 นิ้ว ก็สามารถลดอาการแก้ปวดไมเกรนได้แล้ว
ซึ่งหากใช้น้ำมันหอมระเหยของเปปเปอร์มินต์หรือลาเวนเดอร์เป็นส่วนประกอบในการนวด ก็จะสร้างบรรยากาศที่ผ่อนคลาย เนื่องจากมีสรรพคุณลดอาการปวดหัวและส่งกลิ่นหอม
2. การรักษาไมเกรนทางการแพทย์
- ยารักษาไมเกรน
สำหรับผู้ป่วยบางรายที่มีอาการปวดหัวขั้นรุนแรง การใช้ยารักษาไมเกรนก็จะสามารถลดอาการปวดหัวได้อย่างเร่งด่วน
- ฝังเข็มไมเกรน
นอกจากการฝังเข็มไมเกรนจะช่วยรักษาโรคต่าง ๆ แล้ว ยังมีส่วนช่วยให้เลือดลมไหลเวียนได้ดีมากยิ่งขึ้น ซึ่งจะลดอาการปวดหัวได้นั่นเอง
- ฉีดยาไมเกรน
การฉีดยาไมเกรน (Aimovig) นับว่าเป็นวิธีการรักษาไมเกรนที่รวดเร็ว โดยจะช่วยลดความถี่และความรุนแรงของอาการปวดหัวได้มากถึง 50-75%
- โบท็อกไมเกรน
การฉีดโบท็อกนอกจากจะเสริมความงาม ปรับรูปหน้า หรือยกกระชับใบหน้าแล้ว ถ้าหากฉีดโบท็อกไมเกรนบริเวณบริเวณบ่า, ต้นคอ, หน้าผาก, คิ้ว และอื่น ๆ ก็จะสามารถลดอาการปวดหัวไมเกรนได้เป็นอย่างดี
ปวดหัวไมเกรนไม่หาย รักษาที่ไหนดี
สำหรับใครที่กำลังมีอาการปวดหัวไมเกรนหรือปวดหัวเรื้อรัง มองหาโรงพยาบาล คลินิก หรือศูนย์รักษาไมเกรนอยู่ แนะนำว่าควรคำนึงถึงความรุนแรงของอาการที่กำลังเผชิญอยู่ ความสะดวกในการเดินทาง เทคโนโลยีที่ใช้ในการรักษา รวมถึงปัจจัยอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง
รักษาไมเกรนที่ BTX Migraine Center
หากยังไม่รู้ว่าจะรักษาที่ไหนดี BTX Migraine Center ก็เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่ไม่ควรมองข้าม เพราะ BTX Migraine Center เป็นศูนย์รักษาไมเกรนเฉพาะทางที่ให้บริการรักษาทุกรูปแบบด้วยเทคโนโลยีที่ปลอดภัย ทันสมัย ได้รับการรับรอง และเห็นผลอย่างมีประสิทธิภาพได้เช่นกัน โดยสามารถปรึกษาได้ฟรี
ข้อสรุป
แม้ว่าจะมีอาการปวดหัวไมเกรน แต่ก็ผู้ป่วยเองสามารถรักษาได้โดยใช้วิธีแก้ปวดหัวไมเกรนเบื้องต้น การปรับเปลี่ยนพฤติกรรม การเลือกใช้สมุนไพรรักษาไมเกรนเพื่อลดอาการปวดหัวได้เช่นกัน
หรืถ้าหากสนใจรักษาด้วยการรักษาทางการแพทย์ ทักไลน์ @ayaclinic หรือโทรเบอร์ 090–970-0447 เพื่อปรึกษา ตรวจไมเกรน และเข้ารับการรักษาจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญของ BTX Migraine Center ศูนย์รักษาไมเกรนเฉพาะทางที่ปลอดภัยได้เช่นกัน โดยสามารถปรึกษาได้ฟรี
เอกสารอ้างอิง
Chittaranjan Andrade. (2021). Ginger for Migraine. Retrieved from
https://pubmed.ncbi.nlm.nih.gov/34851560/
จันทรพร ทองเอกแก้ว. (2556). บัวบก: สมุนไพรมากคุณประโยชน์. สืบค้นเมื่อ 2 กรกฎาคม 2565 จาก
https://www.ubu.ac.th/web/files_up/08f2014031915393365.pdf