10 อาหารกระตุ้นไมเกรน ปรับพฤติกรรมการทานอาหารป้องกันอาการปวดหัว
ปัจจุบันไม่ว่าจะเมนูไหน จะเลือกกินอะไรก็อาจจะต้องหาข้อมูลประกอบทั้งนั้น เนื่องจากอาหารแต่ละชนิดก็จะมีทั้งประโยชน์และโทษ โดยอาหารบางชนิดสามารถกระตุ้นและส่งผลผลต่อโรคและอาการเจ็บป่วยได้
ยกตัวอย่างเช่น อาหารกระตุ้นไมเกรน ที่หากผู้ป่วยคนไหนมีอาการปวดหัวไมเกรน ปวดหัวเรื้อรัง ปวดหัวข้างซ้าย ปวดหัวข้างขวา ปวดหัวท้ายทอย หรือปวดหัวข้างเดียวอยู่ ก็ควรเลือกกินอาหารที่ดี เหมาะสม เลี่ยงอาหารที่กระตุ้นไมเกรน เพื่อเป็นการรักษาไมเกรนและลดอาการปวดหัวไมเกรนได้
เลือกอ่านหัวข้อที่สนใจ
- โรคไมเกรน..อาการปวดหัวรบกวนใจ
- อาหารส่งผลต่อไมเกรนอย่างไร
- สารอาหารที่กระตุ้นไมเกรน
- 10 อาหารกระตุ้นไมเกรน มีอะไรบ้าง
- ปรับพฤติกรรมการทานอาหาร..ห่างไกลไมเกรน
- การรักษาไมเกรนทางเลือกอื่น
- ปวดหัวไมเกรนเรื้อรัง รักษาที่ไหนดี
- ข้อสรุป
โรคไมเกรน..อาการปวดหัวรบกวนใจ
ไมเกรน (Migraine) คือ อาการปวดหัวที่เกิดจากหลายสาเหตุ โดยในงานวิจัยระบุว่าสาเหตุหนึ่งเกิดมาจากพันธุกรรม การทำงานของหลอดเลือดที่ผิดปกติ รวมถึงปัจจัยอื่น ๆ เช่น ความเครียดสะสม สภาพแวดล้อมของที่ทำงานและที่อยู่อาศัย ตลอดจนอาหารกระตุ้นไมเกรน
สำหรับอาการปวดหัวไมเกรนส่วนใหญ่ที่พบนั้นคือ มีอาการปวดหัวเรื้อรัง ปวดหัวข้างซ้าย ปวดหัวข้างขวา ปวดหัวท้ายทอย ปวดหัวข้างเดียว รวมถึงไมเกรนขึ้นตา นอกจากนี้ในผู้ป่วยบางรายยังมีอาการอื่น ๆ ร่วมด้วย เช่น วิงเวียนศีรษะ คลื่นไส้ อาเจียน ตาพร่ามัว รวมถึงเห็นแสงวูบวาบ เป็นต้น
อาหารส่งผลต่อไมเกรนอย่างไร
อย่างที่ทราบกันดีว่าอาหารแต่ละชนิดนั้นมีทั้งประโยชน์และโทษ เนื่องจากสารอาหารต่าง ๆ จากวัตถุดิบหรือส่วนประกอบในเมนูนั้น ๆ ล้วนแล้วแต่จะส่งต่อการทำงานของร่างกายและส่งผลต่อการกระตุ้นให้เกิดโรคต่าง ๆ ได้มากขึ้น
ดังจะเห็นได้จากอาหารกระตุ้นไมเกรน ที่เมื่อกินอาหารเหล่านี้เข้าไปภายใน 12 ชั่วโมงก็มักจะมีอาการปวดหัว ซึ่งผู้ที่ป่วยเป็นไมเกรนควรจะสังเกตตัวเองและเลี่ยงอาหารที่กระตุ้นไมเกรน เพื่อรักษาไมเกรนและเพื่อสุขภาพที่ดีของตนเอง
สารอาหารที่กระตุ้นไมเกรน
นอกจากเมนู วัตถุดิบ หรืออาหารที่กระตุ้นไมเกรนแล้ว ยังมีสารอาหารอื่น ๆ อีกหลากหลายชนิดที่เป็นส่วนหนึ่งในการกระตุ้นให้เกิดไมเกรน ดังนี้
1. โมโนโซเดียมกลูตาเมด
โมโนโซเดียมกลูตาเมดหรือผงชูรส เป็นเครื่องปรุงรสยอดนิยมของคนไทย เนื่องจากสารดังกล่าวสามารถเพิ่มรสชาติให้อาหารมื้อนั้นอร่อยและเข้มข้นขึ้น
แต่นอกจากความอร่อยที่เพิ่มขึ้นแล้วนั้น ยังเป็นสารอาหารที่กระตุ้นไมเกรนอีกด้วย เนื่องจากผงชูรสจะไปกระตุ้นสารสื่อประสาทบางชนิดและกระตุ้นให้ผนังหลอดเลือดหลั่งสารไนตริกออกไซด์ ซึ่งส่งผลให้หลอดเลือดขยายตัว ซึ่งทำให้เกิดอาการปวดหัวไมเกรนได้
2. แอสปาร์แตน
แอสปาร์แตนหรือสารให้ความหวานแทนน้ำตาล ซึ่งความหวานมากกว่าปกติ 180 – 200 เท่า ส่วนใหญ่สารอาหารกระตุ้นไมเกรนชนิดนี้จะพบได้ในเครื่องดื่มและอาหารหลาย ๆ ประเภท ในผู้ป่วยบางรายเมื่อกินสารอาหารดังกล่าวเข้าไปแล้วจะมีอาการปวดหัวไมเกรนเกิดขึ้น
3. ไนไตรท์
ไนไตรท์หรือสารถนอมอาหารจำพวกเนื้อสัตว์ เมื่อกินสารอาหารชนิดนี้เข้าไปจะก่อให้เกิดไนตริกออกไซด์และหลอดเลือดขยาย ส่งผลให้เกิดอาการปวดหัวไมเกรนนั่นเอง
4. เกลือ
อีกหนึ่งสารอาหารสำคัญที่แทบจะพบได้ในทุกเมนูอาหาร แต่นอกจากประโยชน์แล้ว หากร่างกายรับสารอาหารที่กระตุ้นไมเกรนชนิดนี้ จะเพิ่มความดันเลือด และนำไปสู่อาการปวดหัวไมเกรนในที่สุด
10 อาหารกระตุ้นไมเกรน มีอะไรบ้าง
เมื่ออ่านมาถึงตรงนี้หลาย ๆ คนอาจจะเกิดคำว่าแล้วผู้ป่วยไมเกรนห้ามกินอะไรบ้าง ปวดหัวไมเกรนกินอะไรหาย หรือควรเลี่ยงเมนูไหนบ้าง วันนี้เราจึงรวบรวม 10 อาหารกระตุ้นไมเกรนมาให้ ดังนี้
1. ช็อคโกแลต
ขนมหวานยอดฮิตของใครหลาย ๆ คน ที่มีรสชาติหวาน แต่จริง ๆ แล้วนั้นเป็นหนึ่งในอาหารที่กระตุ้นไมเกรน เนื่องจากมีส่วนผสมของคาเฟอีน ซึ่งจากในการทดลองพบว่าหากหยุดกินช็อคโกแลตเป็นเวลา 1 เดือน อาการไมเกรนกลับลดลงได้อย่างไม่น่าเชื่อ
2. เครื่องดื่มแอลกอฮอล์
อย่างที่ทราบกันดีว่าเครื่องดื่มแอลกอฮอล์นั้นส่งผลเสียต่อร่างกายหลาย ๆ รูปแบบ รวมถึงเป็นหนึ่งในเครื่องดื่มและอาหารกระตุ้นไมเกรน เนื่องจากมีสารไทรามีนที่เข้าไปลดระดับสารเซโรโทนินในสมอง ทำให้เกิดอาการปวดหัวไมเกรนอย่างรุนแรงได้ภายใน 3 ชั่วโมง
3. ชา กาแฟ
ชาและกาแฟ นอกจากจะเป็นเครื่องดื่มยอดฮิตของวัยทำงานแล้ว ยังเป็นหนึ่งในอาหารกระตุ้นไมเกรน เนื่องจากมีส่วนผสมของสารอาหารจำพวกคาเฟอีน ซึ่งหากร่างกายได้รับคาเฟอีนมากกว่า 300 มิลลิกรัม จะส่งผลต่อระบบประสาทส่วนกลาง และทำให้เกิดอาการปวดหัวไมเกรนในที่สุด
4. กล้วย
หลาย ๆ คนคงเคยได้ยินว่าผู้ที่เป็นไมเกรน ห้ามกินกล้วย ทั้งนี้ก็เป็นเพราะว่ากล้วยมีส่วนผสมของสารอาหารกระตุ้นไมเกรนอย่างสารไทรามีนและฮีสตามีน ซึ่งหากกินกล้วยมากเกินไป สารเหล่านี้ที่พบในกล้วยก็อาจจะทำให้เกิดอาการปวดหัวไมเกรนได้
5. ผลิตภัณฑ์ที่ทำจากถั่วเหลือง
มีรายงานว่าผลิตภัณฑ์ที่ทำจากถั่วเหลือง เช่น นมถั่วเหลือง ชีสถั่วเหลือง ถั่วเหลือง ซึ่งมีสารกลูตามิก แอซิด, โปรตีนจำพวกไบโอจินิก เอมีน, สาร Isoflavone ที่กระตุ้นการหลั่งสารCGRP รวมถึงยังกระตุ้นเซลล์สมอง เมื่อกินอาหารที่กระตุ้นไมเกรนจำพวกนี้จะส่งผลให้เกิดอาการปวดหัวไมเกรนนั่นเอง
6. ผลไม้ตระกูลซิตรัส
นอกจากผู้ป่วยไมเกรน ห้ามกินกล้วยแล้ว ผลไม้จำพวกซีตรัส เช่น ส้ม มะนาว เลม่อน เกรปฟรุต ก็มีสารอาหารกระตุ้นไมเกรนที่ส่งผลให้เกิดอาการปวดหัวไมเกรนได้เช่นกัน
7. อาหารที่ประกอบไปด้วยยีสต์
อาหารที่ประกอบไปด้วยยีสต์ เช่น ขนมปัง พิซซ่า ซาวโดวจ์หรือขนมปังเปรี้ยว ซึ่งมีสารอาหารที่กระตุ้นไมเกรนอย่างยีสต์และไทรามีน แน่นอนว่าเมื่อกินอาหารที่ประกอบไปด้วยยีสต์ ย่อมส่งผลให้สารชนิดนี้เข้าไปกระตุ้นอาการปวดหัวไมเกรนทันที
8. อาหารที่มีโซเดียมสูง
อย่างที่ทราบกันดีว่าเกลือนั้นเป็นสารอาหารสำคัญที่กระตุ้นให้เกิดไมเกรน ดังนั้นอาหารประเภทต่าง ๆ ที่มีโซเดียมสูง นอกจากเกลือแล้ว พวกบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ขนมขบเคี้ยวหากกินในปริมาณที่มากกว่า 2,000 มิลลิกรัมต่อวันจะส่งผลให้ความดันเลือดสูงขึ้นและนำไปสู่อาการปวดหัวไมเกรน
9. เนื้อสัตว์แปรรูป
ใครที่ชอบกินเนื้อสัตว์แปรรูป เช่น เบคอน ไส้กรอก เนื้อรมควัน อาจจะต้องลดลงบ้าง เนื่องจากในอาหารประเภทนี้มีสารไนเตรต ซึ่งส่งผลให้เกิดอาการปวดหัวรุนแรงมากยิ่งขึ้น
10. ชีสและเนยแข็ง
ความหอม มัน นัวของชีสและเนยแข็งอาจทำให้ใครหลาย ๆ คนติดใจ แต่ใครจะรู้บ้างว่าชีสและเนยแข็งเป็นอาหารกระตุ้นไมเกรนชั้นดี เนื่องจากมีสารไทรามีนเป็นส่วนประกอบ หากผู้ป่วยไมเกรนที่ไวต่อการรับสารดังกล่าวก็จะส่งผลให้เกิดอาการปวดหัวทันที
ปรับพฤติกรรมการทานอาหาร..ห่างไกลไมเกรน
จากที่กล่าวมาในข้างต้นก็ได้รู้ว่าผู้ป่วยไมเกรนห้ามกินอะไรไปบ้างแล้ว แต่เพื่อเป็นการป้องกันการเกิดอาการปวดหัวไมเกรนเพิ่มขึ้นในระยะยาว เราจึงควรลดอาหารกระตุ้นไมเกรนและปรับพฤติกรรมการกินให้ดียิ่งขึ้น ดังนี้
กินอาหารผักใบเขียว
แน่นอนว่าผักเป็นสิ่งที่มีประโยชน์ต่อร่างกายและมีคุณค่าทางสารอาหารสูง เช่น คลอโรฟิลล์ เบต้าแคโรทีน วิตามินอี ซึ่งจะต่อต้านอนุมูลอิสระ ควบคุมระดับรักษาระบบหัวใจและหลอดเลือด ช่วยเพิ่มการไหลเวียนของเลือด และลดอาการปวดหัวไมเกรนได้
กินอาหารมื้อเล็ก ๆ แทน
จากการกินอาหาร 3 มื้อใหญ่ต่อวัน อาจจะรับเป็นมื้อเล็ก ๆ 5-6 มื้อต่อวันแทน เพื่อร่างกายได้สารอาหารเพียงพอ ซึ่งนับว่าเป็นการลดอาการปวดหัวไมเกรนจากความหิวได้อีกด้วย
ดื่มน้ำสะอาดอย่างเพียงพอ
เนื่องจากไมเกรนเกิดจากการที่ร่างกายขาดน้ำ ดังนั้นเครื่องดื่มแก้ปวดหัวที่ดีที่สุด คือ การดื่มน้ำสะอาดให้เพียงพอต่อร่างกาย อย่างน้อยวันละ 8 แก้ว จะช่วยลดอาการปวดหัวไมเกรน ปวดหัวข้างซ้าย ปวดหัวข้างขวา ปวดหัวข้างเดียว และยังเพิ่มความชุ่มชื้นในร่างกายได้อีกด้วย
สำหรับอาหารที่แนะนำให้ทานเพื่อช่วยบรรเทาหรือป้องกันอาการปวดหัวไมเกรน สามารถอ่านเพิ่มเติมได้ที่ แนะนำ 10 อาหารลดไมเกรน ปวดหัวไมเกรนกินอะไรหาย ไม่ต้องพึ่งยา!
การรักษาไมเกรนทางเลือกอื่น
นอกจากการรักษาไมเกรนด้วยวิธีลดอาหารกระตุ้นไมเกรนแล้ว ยังมีวิธีแก้ปวดหัวไมเกรนเบื้องต้นที่น่าสนใจ ดังนี้
การรักษาไมเกรนเบื้องต้น
1.ปรับพฤติกรรมของตนเอง
กล่าวคือ หากเดิมมีพฤติกรรมที่ส่งผลกระทบต่อโรคไมเกรนและอาการเจ็บป่วย ก็ควรที่จะเริ่มจากการปรับพฤติกรรมตนเอง เช่น กินอาหารที่ดีต่อสุขภาพ ใช้สมุนไพรรักษาไมเกรน เป็นต้น
2.การพักผ่อนให้เพียงพอ
การพักผ่อนให้เพียงพอจะช่วยให้ร่างกายได้พักผ่อนอย่างเต็มที่ ซึ่งจะช่วยลดอาการปวดหัวได้
3.ปรับสภาพแวดล้อม
การปรับเปลี่ยนสภาพแวดล้อมให้เหมาะสม เช่น ปรับสภาพแวดล้อมของโต๊ะทำงาน ห้องทำงาน ห้องนอน เพื่อให้ร่างกายได้ผ่อนคลายและลดความกังวลจากงานหรือสิ่งเร้าอื่น ๆ ได้
4.ผ่อนคลายด้วยน้ำมันหอมระเหย
จากการวิจัยพบว่ามีการใช้น้ำมันหอมระเหยบำบัดและรักษาสุขภาพ เนื่องจากมีสรรพคุณในการสร้างความรู้สึกผ่อนคลาย ส่งกลิ่นหอม จากวิธีนวดแก้ปวดไมเกรนหรือสูดดม ซึ่งจะช่วยลดอาการปวดหัวจากความเครียดหรือปวดหัวไมเกรนได้เป็นอย่างดี
วิธีแก้ปวดไมเกรนเบื้องต้นอื่นๆ สามารถอ่านได้ที่ 8 วิธีแก้ปวดหัวไมเกรนเบื้องต้น บรรเทาไมเกรนเร่งด่วนด้วยวิธีธรรมชาติ
การรักษาไมเกรนทางการแพทย์
1.กินยาไมเกรน
สำหรับผู้ป่วยที่ต้องการลดอาการปวดหัวแบบเร่งด่วน การกินยาไมเกรนแก้ปวดในปริมาณที่เหมาะสมกับน้ำหนักและอาการของตนเองก็จะช่วยระงับอาการปวดได้เป็นอย่างดี
2.ฉีดยาไมเกรน
สำหรับใครที่กลัวจะลืมว่าต้องกินยาช่วงไหน การฉีดยาไมเกรนก็เป็นอีกหนึ่งทางเลือก โดยการฉีด 1 ครั้ง มีฤทธิ์ในการระงับอาการปวดหัวนานถึง 1 เดือน
3.ฝังเข็มไมเกรน
การฝังเข็มไมเกรนจะช่วยลดอาการเจ็บป่วยต่าง ๆ เพียงฝังเข็มไมเกรน 8-10 ครั้ง หรือรักษาตามที่แพทย์กำหนด อาการไมเกรนก็จะลดลง
4.โบท็อกไมเกรน
การฉีดโบท็อกไมเกรนนอกจากจะช่วยเรื่องความสวยความงามแล้ว ยังสามารถช่วยระงับอาการปวดหัวได้อย่างปลอดภัย เพียงแค่ฉีด 1 ครั้งก็จะสามารถระงับอาการปวดหัวได้นานถึง 4-6 เดือนเลยทีเดียว
ปวดหัวไมเกรนเรื้อรัง รักษาที่ไหนดี
หากใครที่กำลังเผชิญกับอาการเจ็บป่วยจากโรคไมเกรน และนำวิธีเลี่ยงอาหารกระตุ้นไมเกรนไปใช้แล้ว
แต่สนใจอยากจะหาสถานที่รักษาประกอบ จึงอาจจะต้องคำนึงถึงปัจจัยต่าง ๆ ร่วมด้วย ดังนี้
- ค่าใช้จ่าย
- ระยะทางในการเดินทาง
- ความสะดวกสบาย
- ความปลอดภัย
- มาตรฐานการรักษาและการรองรับ
รักษาไมเกรนกับแพทย์เฉพาะทาง ที่ BTX Migraine Center
ทั้งนี้ BTX Migraine Center ศูนย์รักษาไมเกรนเฉพาะทาง เป็นหนึ่งในศูนย์รักษาไมเกรนเฉพาะทางที่ตอบโจทย์ผู้ป่วยทุกเพศทุกวัย เนื่องจากค่าใช้จ่ายในการรักษานั้นเหมาะสม เดินทางสะดวก
อีกทั้งยังรักษาด้วยกระบวนการและเทคโนโลยีที่มีความปลอดภัย มีมาตรฐานและผ่านการรองรับ ซึ่งเมื่อเข้ารับการรักษากับทาง แล้วจะช่วยลดอาการปวดหัวไมเกรนและเห็นผลดีแน่นอน
ข้อสรุป
การเลือกกินอาหารที่ดีต่อสุขภาพ เลี่ยงอาหารกระตุ้นไมเกรน นอกจากจะช่วยลดอาการปวดหัวในรูปแบบต่าง ๆ ได้แล้ว ยังเป็นการรักษาด้วยวิธีธรรมชาติที่สามารถทำได้ง่าย ๆ ด้วยตนเองที่ปลอดภัยและเห็นผลในระยะยาวอีกด้วย
แต่ถ้าหากใครที่สนใจรักษาไมเกรนด้วยวิธีอื่น ๆ นอกจากอาหารที่กระตุ้นไมเกรนแล้ว สามารถติดต่อสอบถาม รับคำปรึกษา ตรวจไมเกรน ตลอดจนเข้ารับการรักษาจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญได้ที่ BTX Migraine Center ศูนย์รักษาไมเกรนเฉพาะทาง เพียงแค่แอดไลน์ @ayaclinic หรือโทร 090–970-0447 รับรองว่าสะดวก รวดเร็ว ปลอดภัย และเห็นผลแน่นอน
เอกสารอ้างอิง
Migraine and Diet Nutrients 2020 Jun 3;12(6):1658. doi: 10.3390/nu12061658.Migraine and Diet – PubMed (nih.gov)
Watermelon and others plant foods that trigger headache in migraine patients 2021 Sep;133(7):760-764. doi: 10.1080/00325481.2021.1922211. Epub 2021 Jun 18. Watermelon and others plant foods that trigger headache in migraine patients – PubMed (nih.gov)