ปวดหัวคลัสเตอร์ คืออะไร สัญญาณเตือนที่ควรรู้ อันตรายไหม? อาการ สาเหตุ วิธีรักษา
อาการปวดคลัสเตอร์ นับว่าเป็นหนึ่งในอาการปวดหัวที่หลาย ๆ คนกังวล เนื่องจากมีผลกระทบอย่างยิ่งต่อชีวิตประจำวัน อีกทั้งลักษณะอาการยังค่อนข้างรุนแรงต่างจากปวดไมเกรนหรือปวดหัวทั่ว ๆ ไป
ทั้งนี้หากปล่อยให้อาการปวดหัวแบบคลัสเตอร์ทิ้งไว้ อาจจะส่งผลในระยะยาว ดังนั้นจึงควรทำความรู้จักว่าปวดหัวคลัสเตอร์คืออะไร อันตรายไหม เกิดจากอะไร วิธีบรรเทาอาการปวดหัวแบบคลัสเตอร์ต้องทำแบบไหน อ่านต่อได้ในบทความ
สารบัญบทความ
- ปวดหัวคลัสเตอร์ (Cluster Headache)
- อาการสัญญาณเตือนปวดหัวคลัสเตอร์
- ปวดหัวคลัสเตอร์เกิดจากสาเหตุใด
- ปวดหัวคลัสเตอร์ อันตรายไหม
- ปวดหัวคลัสเตอร์กับไมเกรนต่างกันอย่างไร
- ใครบ้างที่เสี่ยงอาการปวดหัวคลัสเตอร์
- ปวดหัวคลัสเตอร์..เมื่อไหร่ควรพบแพทย์
- การวินิจฉัยอาการปวดหัวคลัสเตอร์
- วิธีแก้ปวดหัวแบบคลัสเตอร์
- ภาวะแทรกซ้อนจากการปวดหัวแบบคลัสเตอร์
- แนวทางการป้องกันอาการปวดหัวคลัสเตอร์
- ข้อสรุป
ปวดหัวคลัสเตอร์ (Cluster Headache)
อย่างไรก็ดี ระยะเวลาปวดศีรษะแบบคลัสเตอร์จะกินเวลานานกว่าปกติ ตั้งแต่ 1 ชั่วโมงเป็นต้น โดยส่วนใหญ่จะพบว่ามีอาการ 1-8 ครั้งต่อวัน แต่ในผู้ป่วยที่มีอาการปวดหัวคลัสเตอร์หรือปวดหัวเรื้อรังจะมีอาการเกิดทุก ๆ วันติดต่อกันนานถึง 3 เดือน
อาการสัญญาณเตือนปวดหัวคลัสเตอร์
อาการปวดหัวแบบคลัสเตอร์ จะเกิดขึ้นอย่างรุนแรงและกะทันหัน โดยลักษณะอาการส่วนใหญ่คือ ปวดหัวข้างเดียว อาจจะเป็นข้างซ้ายหรือข้างขวา ตลอดจนปวดบริเวณต่าง ๆ เช่น ปวดบ่า ปวดไหล่ ปวดหน้าผาก ปวดหัวท้ายทอย
ซึ่งอาการเหล่านี้จะเกิดขึ้นมากสุด 8 ครั้งต่อวัน และเกิดขึ้นต่อเนื่องหลายเดือน จากนั้นจะเว้นช่วงและกลับมาเป็นแบบเดิมอีกครั้ง
อาการข้างเคียงที่มักเกิดร่วมกับอาการปวดหัว
อย่างไรก็ดี นอกจากอาการอาการปวดหัวแบบคลัสเตอร์ในข้างต้นแล้วผู้ป่วยบางรายยังพบว่ามีอาการร่วมดังต่อไปนี้
- ตาแดง
- น้ำตาไหล
- เปลือกตาแดง
- คัดจมูก
- เหงื่ออกที่หน้าผาก
- ลืมตาลำบาก
- ตาไวต่อแสง
- กระสับกระส่าย
- เวียนหัว
ทั้งนี้อาการร่วมจะเป็นร่วมกับปวดหัวคลัสเตอร์ตั้งแต่ 15 นาที ถึง 3 ชั่วโมงและมักจะเกิดข้างเดียวกับที่ปวดหัว
ปวดหัวคลัสเตอร์เกิดจากสาเหตุใด
ยกตัวอย่างเช่น การหลั่งฮอร์โมน ระดับอุณหภูมิในร่างกายและความดันในร่างกาย ซึ่งส่งผลให้ในสมองและหลอดเลือดมีความดันสูงกว่าปกติ จนเกิดอาการปวดหัวข้างซ้ายข้างเดียวหรือข้างขวาข้างเดียว และนำไปสู่อาการปวดศีรษะแบบคลัสเตอร์
ซึ่งอาจทำให้เกิดกลไกการทำงานเส้นเลือดบริเวณใบหน้าขยายใหญ่ขึ้นจนไปกดทับเส้นประสาทบนใบหน้า และกระตุ้นความรู้สึกไปยังสมองมากผิดปกติ จึงทำให้เกิดอาการปวดหัวลักษณะนี้ขึ้น
ปัจจัยกระตุ้นอาการปวดหัวคลัสเตอร์
นอกเหนือจากสาเหตุในข้างต้นแล้ว ปัจจัยภายนอกยังเป็นส่วนหนึ่งที่กระตุ้นอาการปวดหัวได้เป็นอย่างดี โดยปัจจัยต่าง ๆ เหล่านั้นมีดังต่อไปนี้
- การสูบบุหรี่
- การดื่มแอลกอฮอล์เป็นประจำ
- กลิ่นฉุน เช่น น้ำหอม น้ำมันเบนซิน สี เป็นต้น ทำให้เกิดอาการไวต่อสิ่งเร้า
- การออกกำลังกายอย่างหนักติดต่อกัน
- อุณหภูมิที่สูง เช่น การอาบน้ำอุ่น ออกกำลังกายในห้องที่มีอากาศร้อน เป็นต้น
- พันธุกรรม มีคนในครอบครัวปวดหัวแบบ Cluster
- มีโรคแทรกซ้อน เช่น เนื้องอกในสมอง ต่อมใต้สมอง เป็นต้น
ปวดหัวคลัสเตอร์ อันตรายไหม
อาการปวดหัวข้างขวาหรือข้างซ้ายข้างเดียว ปวดกระบอกตา ปวดหัวรุนแรง และมีอาการอื่น ๆ ร่วมด้วย จนทำให้รู้สึกว่าการใช้ชีวิตประจำวันนั้นยากขึ้น นั่นคืออาการปวดหัวคลัสเตอร์ที่รุนแรงและอันตราย
อีกทั้งสาเหตุหลัก ๆ ของโรคนี้คือ ความผิดปกติของการทำงานในระบบสมอง ดังนั้น หากพบว่าตนเองมีความผิดปกติหรือเข้าข่าย ควรรีบพบแพทย์เพื่อทำการวินิจฉัย เพราะนอกจากอาการปวดหัวคลัสเตอร์ที่มีสาเหตุเกิดจากการทำงานของระบบสมองแล้ว อาจจะเกิดจากโรคร้ายอย่างเนื้องอกหรือโรคเกี่ยวกับต่อมใต้สมองอีกด้วย
ปวดหัวคลัสเตอร์กับไมเกรนต่างกันอย่างไร
ใครที่เคยมีอาการไมเกรนในรูปแบบต่าง ๆ เช่น ปวดหัวคิ้ว หน้าผาก ขมับ เส้นคอตึงจนปวดหัว ปวดรอบ ๆ ศีรษะ ปวดทั่วบริเวณ ตลอดจนมีอาการไมเกรนขึ้นตา จะทราบดีว่ามีอาการอย่างไร
แต่สำหรับผู้ที่เพิ่งมีอาการปวด อาจจะเกิดความสับสนได้ว่าปวดหัวคลัสเตอร์กับปวดหัวไมเกรนต่างกันอย่างไร จึงจะต้องพิจารณาและวินิจฉัยอย่างถี่ถ้วน
ทั้งนี้สามารถรักษาได้ด้วยวิธีแก้ปวดหัวไมเกรนเบื้องต้น หรือสามารถรักษาด้วยวิธีทางการแพทย์ซึ่งปลอดภัยและมีผลข้างเคียงน้อยอย่างการฉีดโบท็อกไมเกรน
สำหรับโรคปวดศีรษะคลัสเตอร์ (Cluster Headache) จะมีลักษณะอาการคือ ปวดหัวแบบรุนแรง ปวดข้างเดียว ร่วมกับอาการปวดบริเวณกระบอกตาหรือขมับ ในบางรายจะมีอาการร่วม เช่น ตาแดง น้ำตาหรือน้ำมูกไหล คัดจมูก ซึ่งจะกินระยะเวลา 15 นาทีถึง 3 ชั่วโมง จำนวน 1-8 ครั้งต่อวัน และจะปวดเป็นสัปดาห์หรือเดือน
ทั้งนี้สามารถรักษาอาการปวดหัวคลัสเตอร์ได้โดยการใช้ยาบรรเทาอาการปวดที่ออกฤทธิ์เร็ว
ใครบ้างที่เสี่ยงอาการปวดหัวคลัสเตอร์
จากการศึกษาพบว่าผู้ที่เสี่ยงอาการปวดหัวคลัสเตอร์นั้นส่วนใหญ่จะพบในผู้ชายมากกว่าผู้หญิง และพบในชายอายุราว ๆ 40 ปี อย่างไรก็ดี ในปัจจุบันพบว่าผู้ชายที่อายุน้อยกว่าหรือผู้หญิงก็มีโอกาสเสี่ยงเป็นปวดศีรษะแบบคลัสเตอร์เช่นเดียวกัน หากมีความผิดปกติของระบบสมองหรือมีสิ่งเร้า เช่น สูบบุหรี่จัด ดื่มแอลกอฮอล์หนัก เป็นต้น
อย่างไรก็ตาม พบว่าผู้ที่มีคนในครอบครัวซึ่งมีประวัติการปวดหัวแบบคลัสเตอร์ มักจะมีโอกาสเสี่ยงที่จะเกิดอาการปวดหัวคลัสเตอร์เช่นเดียวกัน
ปวดหัวคลัสเตอร์..เมื่อไหร่ควรพบแพทย์
การวินิจฉัยอาการปวดหัวคลัสเตอร์
หากพบว่าตนเองนั้นมีอาการปวดหัวที่เข้าข่ายรูปแบบการปวดหัวคลัสเตอร์ และเพื่อให้รักษาอาการปวดหัวคลัสเตอร์อย่างถูกวิธี การวินิจฉัยจะเริ่มจากวิธีเบื้องต้น จากนั้นจึงจะเจาะลึกลงรายละเอียดต่าง ๆ ดังนี้
1. การซักประวัติและตรวจร่างกาย
ในเบื้องต้นจะทำการซักประวัติ เกี่ยวกับประวัติการรักษา ประวัติการเกิดอุบัติเหตุกระทบกระเทือนศีรษะ ประวัติการใช้ยา ประวัติการที่ครอบครัวเคยมีอาการปวดหัวแบบคลัสเตอร์ ตลอดจนซักประวัติและพฤติกรรมการใช้ชีวิต จากนั้นจะทำการตรวจร่างกายในเบื้องต้น
2. การตรวจเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ (CT Brain)
การเอกซเรย์คอมพิวเตอร์สมอง (CT-brain) จะทำการตรวจเอกซเรย์โรคต่าง ๆ โดยการฉายรังสีเอกซเรย์ตามร่างกาย จากนั้นจะภาพจะฉายบริเวณต่าง ๆ ที่ตรวจบนคอมพิวเตอร์โดยมีความละเอียดสูง ซึ่งจะช่วยให้ตรวจหาความผิดปกติและสาเหตุสำคัญของโรค
3. การตรวจคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าสมอง MRI
การตรวจด้วยคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าจะสนามแม่เหล็กและคลื่นวิทยุความเข้มสูงในการตรวจร่างกายเพื่อสร้างภาพเสมือนจริงที่คมชัดสูง ซึ่งจะทำให้แพทย์สามารถวินิจฉัยความผิดปกติในร่างกายได้อย่างแม่นยำ
วิธีแก้ปวดหัวแบบคลัสเตอร์
อย่างที่ทรานดีว่าอาการปวดหัวคลัสเตอร์นั้นยังไม่มีทางรักษาให้หายขาดได้ แต่ก็มีวิธีแก้ปวดหัวแบบคลัสเตอร์ สำหรับรักษาและบรรเทาอาการ ดังนี้
1. การใช้ยารักษาอาการปวดหัวคลัสเตอร์
- ยากลุ่ม Triptan ทั้งรูปแบบของการฉีดเข้าใต้ผิวหนัง พ่นจมูก หรือทานยาเม็ด ขึ้นอยู่กับความเหมาะสม
- ยากลุ่ม Ibuprofen ชนิดเม็ด น้ำ หรือทา เพื่อลดอาการปวดหัวอย่างเร่งด่วน เป็นต้น
- ยา Lidocaine หรือยาชาเฉพาะจุด เพื่อบรรเทาอาการปวดได้ด้วยการสูดดม
2. การรักษาด้วยการให้ออกซิเจนทางจมูก
3. การฉีดยารอบเส้นประสาท
ภาวะแทรกซ้อนจากการปวดหัวแบบคลัสเตอร์
อย่างไรก็ดี ในผู้ป่วยบางรายพบว่ามีภาวะแทรกซ้อนจากอาการปวดหัวแบบ Cluster ดังนี้
- สุขภาพจิตย่ำแย่ กระวนกระวายใจ เนื่องจากเครียดกับอาการ
- ภาวะซึมเศร้า
- ไม่สามารถใช้ชีวิตประจำวันได้อย่างปกติ
- ปากแห้ง เวียนหัว เหนื่อย หนักบริเวณใบหน้า อก แขนและขา เนื่องจากการใช้ยา Triptan
- กล้ามเนื้ออ่อนแรง สูญเสียประสาทสัมผัสบนใบหน้าส่วนใดส่วนหนึ่ง ซึ่งเป็นผลมาจากการรักษาแบบผ่าตัด
แนวทางการป้องกันอาการปวดหัวคลัสเตอร์
- อยู่ในที่ที่อุณหภูมิที่ต่ำหรือปกติ แต่ไม่ควรร้อนหรือหนาวจนเกินไป
- ทำกิจกรรมเบา ๆ ที่ไม่ต้องออกแรงหนัก
- หลีกเลี่ยงการอยู่ในบริเวณที่มีสิ่งเร้า เช่น เสียงดัง กลิ่นเหม็นฉุน หรือที่ที่แสงจ้า
- งดดื่มแอลกอฮอล์หรือสูบบุหรี่
- ทานยาบางประเภท เช่น เออร์โกตามีน (Ergotamine), เมลาโทนิน, สเตียรอยด์, เวอราปามิล เพื่อลดความเสี่ยงในการเกิดอาการ
- เน้นออกกำลังเบา ๆ เช่น โยคะแก้ปวดหัว เดินเบา ๆ เพื่อให้ร่างกายแข็งแรง
ข้อสรุป
อาการปวดหัวคลัสเตอร์นั้นค่อนข้างรุนแรง แม้ว่าจะไม่มีทางรักษาให้หายขาด แต่ก็มีวิธีแก้ปวดหัวแบบคลัสเตอร์ที่ช่วยรักษาหรือบรรเทาอาการได้ ดังนั้น หากพบว่าตนเองมีอาการเข้าค่ายหรือใกล้เคียงก็ควรรีบพบแพทย์
แต่หากใครที่กำลังสับสนระหว่างอาการปวดหัวแบบคลัสเตอร์และปวดหัวไมเกรน สามารถ @ayaclinic หรือโทร 090–970-0447 เพื่อปรึกษา ตรวจไมเกรน กับทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญของ BTX Migraine Center หรือศูนย์รักษาไมเกรนเฉพาะทาง ซึ่งหากพบว่ามีอาการปวดไมเกรนก็สามารถเลือกรักษาไมเกรนด้วยการฉีดโบท็อกไมเกรน ที่มีความปลอดภัยและเห็นผลระยะยาวได้ทันที
เอกสารอ้างอิง
Jennifer Robinson. 2022. Cluster Headaches. Retrieve from https://www.webmd.com/migraines-headaches/cluster-headaches